ประโยชน์ของกล้วย เท่าที่ไปค้นคว้าข้อมูลมา สามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคภัยไข้เจ็บนานา ลองดูกันนะคะ 1. กล้วยมีธาตุเหล็กสูง กระตุ้นการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด จึงช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางได้ 2. กล้วยมีธาตุโพแทสเซียมสูง แต่มีปริมาณเกลือต่ํา ทําให้เป็นอาหารสมบูรณ์แบบที่จะช่วยลดความดันโลหิตได้ดี 3. ปริมาณโพแทสเซียมสูงในกล้วยสามารถบํารุงสมองได้ดี ช่วยให้นักเรียนตื่นตัวในการเรียนมากขึ้น โดยเฉพาะหากกินกล้วยในมื้อเช้าและมื้อกลางวัน ทุกวัน 4. ปริมาณเส้นใยและกากอาหารที่มีอยู่ในกล้วยช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ แก้ปัญหาโรคท้องผูก 5. กล้วยมีโปรตีน Try Potophan ช่วยลดความตึงเครียด ผ่อนคลายอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ จึงสามารถป้องกันโรคซึมเศร้าได้ 6. การดื่มกล้วยปั่นกับนมและน้ําผึ้งเป็นวิธีแก้อาการเมาค้างได้ผลที่สุด เพราะกล้วยจะช่วยให้ กระเพาะอาหารสงบลง ส่วนน้ําผึ้งจะเสริมปริมาณน้ําตาลในเส้นเลือด และนมช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายให้สมดุล 7. กล้วยมีสารลดกรดตามธรรมชาติ แก้ปัญหาจุกเสียดท้องได้ 8. กล้วยมี วิตามินบี 6 ประกอบด้วยสารควบคุมระดับกลูโคสที่สามารถมีผลต่ออารมณ์ ช่วยทําให้ระบบประสาทสงบลงได้ การกินกล้วยตอนเช้าและกินเป็นอาหารว่างระหว่างวัน จะรักษาระดับน้ําตาลในเส้นเลือดให้คงที่ได้ดี 9. เปลือกกล้วยด้านในสามารถแก้เม็ดผื่นคันที่เกิดจากยุงกัดได้ 10. กล้วยเป็นอาหารที่แพทย์ใช้ควบคุมโรคลําไส้เป็นแผล เพราะเนื้อกล้วยอ่อนนิ่มพอดี มีสภาพเป็นกลางไม่เป็นกรด ทําให้ลดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารและเคลือบผนังลําไส้ได้ดี 11. กล้วยมีฤทธิ์ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย โดยเฉพาะในผู้หญิงที่กําลังตั้งครรภ์ เชื่อกันว่าหากมารดากินกล้วยทุกวัน ทารกที่เกิดมาจะมีอุณหภูมิร่างกายเย็นกว่าปกติ 12. กล้วยช่วยให้เลิกสูบบุหรี่ได้เร็วขึ้น เนื่องจากมีปริมาณวิตามินซี เอ บี6 บี12 สูง และยังมีโพแทสเซียมกับแมกนีเซียมช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนได้เร็วจากการขาดนิโคติน 13. มีผลวิจัยในวารสาร “The New England Journal of Medicine” ระบุว่า การกินกล้วยเป็นประจําสามารถลดอันตรายที่เกิดกับเส้นโลหิตแตกได้ถึง 40% 14. ภูมิปัญญาสมุนไพรไทย เชื่อว่ากล้วยมีฤทธิ์ช่วยรักษาโรคหูดได้ โดยใช้เปลือกด้านในวางปิดลงไปบนหูดแล้วใช้แผ่นปิดแผลหรือเทปติดไว้ให้ด้านสีเหลืองของเปลือกกล้วยอยู่ด้านนอก จะทําให้หูดหายได้ ตําราสมุนไพรไทยระบุว่าก ล้วยน้ําว้า ใช้ทํายาได้ทั้งดิบและสุก โดยเฉพาะ กล้วยดิบ นั้นมี แทนนิน สารฝาดสมานสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ดี จึงช่วยป้องกันผนังกระเพาะอาหารและลําไส้ไม่ให้เชื้อโรคและของรสเผ็ดจัด เช่น พริก เข้าไปทําลายผนังเนื้อเยื่อกระเพาะลําไส้ ช่วยแก้ท้องเสียได้ดี สําหรับกล้วยที่เพิ่งเริ่มสุกหรือห่ามๆ ซึ่งเปลือกยังมีสีเขียวอยู่ประปรายนั้น เป็นทั้งยาและอาหารที่ดีมากสําหรับคนท้องเสีย เพราะนอกจากจะช่วยแก้ท้องเสียแล้ว ยังช่วยหล่อลื่นลําไส้เพิ่มกากเวลาขับถ่าย กล้วยกึ่งดิบกึ่งสุกนี่เองที่มีธาตุโพแทสเซียมสูงมาก เวลาท้องร่วงร่างกายจะสูญเสียโพแทสเซียมไปเยอะ การกินกล้วยห่ามจึงเป็นการชดเชยได้ดี ถ้าหากคนท้องเสียปล่อยให้ร่างกายสูญเสียโพแทสเซียม ไปมากๆอาจทําให้การเต้นของหัวใจผิดปกติถึงขั้นหัวใจวายได้ กล้วยห่ามยังมีสารเซโรโทนินช่วยออกฤทธิ์กระตุ้นให้ผนังกระเพาะอาหารสร้างเยื่อเมือกมากขึ้น จึงช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร สําหรับวิธีกินกล้วยเป็นยาเพื่อรักษาอาการของโรคกระเพาะอาหารแบบจริงๆ จังๆ นั้น มีขั้นตอนยุ่งยากอยู่บ้าง เริ่มจากการนํากล้วยดิบมาฝานเป็นแว่นบางนําไปตากแดดจัดๆ ให้แห้ง หรืออบที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส ห้ามใช้ความร้อนสูงกว่านี้เด